จี้สมศ.ปฏิรูประบบประเมินใหม่ ชี้ทุกวันนี้มั่วมาก พลาดเป้า ไม่สะท้อนปัญหาที่แท้จริง


"สมหวัง"จี้สมศ.ปฏิรูประบบประเมินใหม่ ชี้ทุกวันนี้มั่วมาก พลาดเป้า ไม่สะท้อนปัญหาที่แท้จริง

“สมหวัง” สำนึกบาป ระบุระบบประเมินคุณภาพสถานศึกษาของ สมศ.ยังมั่ว การประเมินภายนอก-ภายในยังเป็นไปคนละทิศทาง ไร้เป้าหมาย ไม่สะท้อนปัญหาที่แท้จริง ท้าหากไม่ปรับปรุง ประเมินให้ตายผลสอบนักเรียนก็ไม่กระเตื้อง จี้ปฏิรูประบบการประเมินใหม่
    ศ.กิตติคุณสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ประธานคณะกรรมบริหาร สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ทิศทางและข้อเสนอแนะการวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษา” ในงานประชุมวิชาการ ประจำปี 2555 เรื่อง “การวิจัยสถาบันกับกระบวนการจัดการเรียนรู้สู่อนาคต” จัดโดยสมาคมวิจัยสถาบันและพัฒนาอุดมศึกษา (สวพอ.) ตอนหนึ่งว่า การประเมินคุณภาพทั้งภายในและภายนอกของหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษา และ สมศ.ยังไม่ตอบโจทย์สังคม เพราะใช้เครื่องมือการประเมินที่วัดแต่ความก้าวหน้าเพื่อการแข่งขันกับนานา ประเทศ แต่กลับไม่สะท้อนความจริงที่เป็นอยู่เพื่อแก้ปัญหา ขณะเดียวกันยังประเมินไปคนละทิศทาง และไร้เป้าหมายปลายทาง
    ประธานบอร์ด สมศ.กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการประเมินของ สมศ. และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ยังทับซ้อนกัน โดยเฉพาะเรื่องการประเมินนักเรียน ดังนั้นทั้ง 2 องค์การควรมาคุยแยกส่วนการประเมินให้ชัดเจน อาทิ สทศ.มีหน้าที่ประเมินนักเรียน สมศ.มีหน้าที่ประเมินผู้บริหารและครู เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คิดว่าเราต้องมีการทบทวนการประกันคุณภาพสถานศึกษาขนานใหญ่ ที่กำหนดชัดเจนเลยว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร อีกทั้งควรเข้าประเมินในขณะที่ดำเนินการเรียนการสอน การทำงานอยู่ และใช้เครื่องมือการประเมินที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
    ประธานบอร์ด สมศ.กล่าวอีกว่า มาตรฐานและตัวบ่งชี้การประเมินคุณภาพสถานศึกษาในปัจจุบัน มีการนำรายละเอียดมากำหนดเป็นมาตรฐานการประเมินมากเกินไป ทำให้มีหลายมาตรฐาน มีการใช้หลายตัวบ่งชี้ จนผู้บริหารจำไม่ได้ และลืมเกณฑ์การประเมิน ดังนั้นจะต้องมีการรวบรวมรายละเอียดเหล่านั้น แล้วสังเคราะห์ให้เหลือน้อยมาตรฐานที่สุด ซึ่งแต่ละมาตรฐานต้องเป็นเรื่องหลักที่ผู้บริหารสามารถจำขึ้นใจเวลาไป ปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม หลักการประเมินคุณภาพที่ดีควรต้องสะท้อนความจริงที่เป็นอยู่เพื่อหาทางแก้ ได้ ไม่ใช่ประเมินแบบผักชีโรยหน้าอย่างปัจจุบัน เพราะประเมินเท่าไหร่ คุณภาพเด็กก็ไม่ดีขึ้น” ศ.กิตติคุณสมหวังกล่าว
    "สมัยผมเป็น ผอ.สมศ. เคยมีคนเสนอให้ สมศ.ทำการประเมินให้กระชับ ใช้เอกสารน้อยชิน แต่ผมไม่เชื่อ แต่ตอนนี้มาคิดได้ก็สาย เพราะผมเกษียณไปแล้ว" ประธาน สมศ.กล่าว
    ขณะที่ ศ.ไพฑูรย์ สินลารัตน นักวิชาการด้านการศึกษาอาวุโส กล่าวว่า ตนได้รวบรวมข้อมูลแนวโน้มความต้องการทักษะต่างๆ สำหรับคนในศตวรรษ 21 ซึ่งมีหลายประเทศและหลายองค์กรได้จัดทำไว้ มาสังเคราะห์ได้ 5 กลุ่ม ดังนี้
1.คนต้องมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง เพราะปัจจุบันแหล่งความรู้ของแต่ละสาขาวิชามีมากจนไม่สามารถศึกษาได้หมดจาก การสอนในห้องเรียน
2.ต้องมีทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เพราะระบบเศรษฐกิจจะไร้พรมแดน
3.ต้องมีทักษะในการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อสามารถดำเนินชีวิตในโลกแห่งความวุ่นวายได้
4.ต้องมีทักษะในการคิดค้นหรือพัฒนานวัตกรรมที่แปลกใหม่ เหมือนชาติตะวันตกนำสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่มาขายให้เรา และ
5.ต้องมีทักษะในการใช้ชีวิตให้มีคุณค่าและมีเป้าหมาย.